วัฒนธรรมของคนไทยแท้อันดีงามที่สืบเนื่องต่อกันมานั้น คือ การให้ความเคารพผู้อาวุโส นอบน้อมต่อผู้ใหญ่เช่น การยกมือไหว้ การเดินย่อเมื่อเดินผ่านผู้ใหญ่ เป็นต้น แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไป สิ่งดีงามเหล่านั้นก็เลือนหายไปกับคนรุ่นใหม่ลงเรื่อย ๆ ด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งระบบการเลี้ยงดูที่ไม่ได้มีการอบรมใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่กับลูกเหมือนในอดีต ระบบสังคมที่เปลี่ยนไป แต่บางครั้งก็มีส่วนมาจากพฤติกรรมของคนวัยชรา

หลายคนอาจรู้สึกว่าพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของคนแก่ช่างน่าหงุดหงิด และอาจแปลกใจที่ญาติผู้ใหญ่ของตนเมื่อยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป และมักจะเป็นไปในทางที่ไม่น่าอภิรมย์ ทั้งที่เมื่อก่อนพวกท่านไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่รู้ไหมว่าพฤติกรรมเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความเสื่อมถอยของสภาพร่างกายและจิตใจ เมื่อการควบคุมร่างกายไม่ได้สะดวกเหมือนสมัยหนุ่มสาว รู้สึกว่าตนเป็นภาระ หรือการไม่ได้รับความเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควร ฯลฯ ทำให้ส่งผลต่อการแสดงออกทั้งที่ระบบความจำได้ และความจำเสื่อม จำไม่ได้ว่าตนทำอะไรออกไปบ้าง ทางที่ดีลูกหลานควรทำความเข้าใจ และในขณะเดียวกันผู้สูงวัยก็ควรปรับ ลด ละ เลิกพฤติกรรมต่อไปนี้ จะได้เป็นคนแก่แบบมีคุณภาพ และลูกหลานยังอยากเข้าใกล้

1. เอาแต่ใจตัวเอง บ้าอำนาจ 

คนแก่เอาแต่ใจแถมยังบ้าอำนาจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเข้าใกล้ ผู้สูงอายุบ้านไหนมีนิสัยแบบนี้ สมาชิกในบ้านคนอื่น ๆ ก็คงอยู่ด้วยกันยาก แม้ว่าสาเหตุนิสัยที่ไม่น่ารักนี้จะเกิดจากอารมณ์แปรปรวน อันเนื่องมาจากความชราของวัยก็ตาม และต่อให้ลูกหลานพยายามทำความเข้าใจ แต่อาจมีบางช่วงเวลาที่ไม่สามารถควบคุมสติตนได้ ด้วยความเหนื่อยล้าจากงานนอกบ้าน หรือจากการดูแลคนแก่ที่เอาแต่ใจตลอดเวลา ก็อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และเผลอแสดงอารมณ์และล่วงเกินทางกายหรือวาจาได้ และเมื่อลูกหลานแสดงกิริยาแบบนั้น ก็ยิ่งไปกระตุ้นให้คนสูงวัยคิดมากกว่าเดิม และแสดงความเอาแต่ใจมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ถ้าหากมีการร่วมมือในการปรับตัวทั้งสองฝ่าย โดยผู้ใหญ่เองก็ควรลดความเอาแต่ใจ เลิกควบคุมลูกหลาน ปล่อยให้พวกเขาได้อิสระทางความคิดและการกระทำ เพราะคงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนบ้าอำนาจตลอดเวลา 

2. ปากร้าย ขี้โมโห 

ผู้ใหญ่ในบ้านไหนที่สมัยหนุ่มสาวไม่เคยปากร้าย แต่พอเริ่มเข้าสู่วัยชรา ความปากร้าย และโมโหง่ายก็มาครบบ้าง สาเหตุอาจมาจากสถานภาพทางร่างกายและจิตใจสวนทางกัน เพราะในขณะที่สเถียรภาพทางร่างกายเริ่มถดถอย ทำอะไรไม่ค่อยคล่องตัว แต่ภายในจิตใจนั้นยังหนุ่มยังสาว ทำให้พาลหงุดหงิดที่ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ จนสะสมก่อตัวเป็นความปากร้าย ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นคนละคนไปเลย จนบางคนอาจต้องสวดพร่ำอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพ่อแม่ที่น่ารักคนเก่ากลับมา 

หากมีลูกหลานเป็นคนดี มีความกตัญญูที่ใจเย็นสูง ก็อาจมีความพยายามทำความเข้าใจ และทำใจยอมรับเพื่อปฏิบัติรับใช้พวกท่านให้ได้มากที่สุด แต่ถ้ามีบุตรบริวารที่ตรงข้าม อาจหลีกหนีหายหน้าไปอยู่ไกล ๆ  ปล่อยให้อยู่ตามประสาคนแก่เหงาเดียวดาย หรือมีการทำร้ายทางร่างกายหรือวาจาอย่างไม่เกรงกลัวบาป อย่างที่เราเห็นข่าวกันมากมายในปัจจุบัน ดังนั้นผู้สูงอายุก็ต้องรู้จักพิจารณาอารมณ์ตนเอง อาจลองหากิจกรรมที่ตัวเองเคยสนใจแต่ไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะมัวแต่โฟกัสในการทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ ถือโอกาสนี้ได้ลองทำ อาจทำอย่างจริงจังหรือทำเล่น ๆ จะช่วยให้ความตึงเครียดที่สะสมอยู่ได้ผ่อนคลายลง รู้สึกสงบขึ้น เมื่อไม่เครียด ก็ไม่หงุดหงิด ความปากร้ายขี้โมโหก็จะหายไปโดยปริยาย เพียงเท่านี้ก็จะกลับมาเป็นผู้สูงวัยในบ้านที่มีแต่ลูกหลานอยากเข้าใกล้แล้ว 

3. เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา 

ไม่ว่าวัยใดก็ย่อมต้องการความรัก ความเอาใจใส่  แต่ไม่ได้มีเพียงแค่วัยเด็กเล็กเท่านั้นที่ต้องการมากเป็นพิเศษ แต่ผู้สูงอายุเองก็ยิ่งแสดงการเรียกร้องให้ได้รับการสนใจทวีคูณ นั่นเป็นเพราะว่าพวกท่านเคยผ่านการมีความนึกได้หมายรู้มาก่อน ยิ่งคนที่เคยเป็นคนสำคัญ มีตำแหน่ง หน้าที่สำคัญในอดีต ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างเสมอ พอแก่ตัวมาภาพความสำคัญของตนในอดีตยังคงติดฝังอยู่ในความทรงจำ และเมื่อกิจกรรมในชีวิตประจำวันลดลง ถูกลดทอนความสำคัญลง อาจทำให้รู้สึกกังวลว่าตนจะไร้ค่า หรือไร้ความสำคัญอีกต่อไป ทำให้มีการเรียกร้องความสนใจโดยไม่รู้ตัว และก่อให้เกิดความรำคาญกับลูกหลาน จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ และกลายเป็นช่องว่างระหว่างกันในที่สุด 

วิธีแก้ปัญหาคือต้องมีการปรับตัวจากทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายลูกหลานนั้นจะต้องทำความเข้าใจในธรรมชาติของผู้สูงอายุเสียก่อน ทั้งทางกายภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น จากนั้นหาสาเหตุเพื่อการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เพราะสาเหตุการเรียกร้องความสนใจของผู้สูงอายุแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาจมีการพูดคุยกันอย่างเปิดใจ เพื่อหาทางแก้ไขได้อย่างเหมาะสม หรืออาจหากิจกรรมทำร่วมกัน เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น  ส่วนตัวผู้สูงอายุเองก็ต้องพยายามทำความเข้าใจและทำการยอมรับให้ได้ถึงความต่างของช่วงวัย โดยอาจนึกถึงช่วงวัยของตนที่ผ่านมาเทียบกับช่วงวัยของบุตรหลาน ว่าช่วงวัยนี้ตนมุ่งทำงาน ลูกหลานเองก็อยู่ในช่วงวัยเดียวกันก็ต้องไปทำงาน ไม่ใช่ว่าพวกเขาละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญ แต่ถ้าหากเข้าใจแต่ก็ยังรู้สึกเหงา ก็ควรหากิจกรรมทำ ซึ่งปัจจุบันมีกิจกรรมสำหรับผู้สูงวัยมากมาย การได้ไปเจอสังคมคนวัยเดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน รู้สึกใกล้เคียงกัน ก็จะช่วยลดความเครียดและความเหงาลงไปได้มาก เมื่อกลับมาบ้านเจอลูกหลานพร้อมหน้า ก็จะมีแต่รอยยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม 

4. ดื้อรั้นหัวชนฝา 

เป็นพฤติกรรมที่อาจเรียกได้ว่า เป็นบรรทัดฐานที่เจอได้ในตัวคนแก่แทบทุกคน และยิ่งอายุมากขึ้นก็จะเป็นหนักเสียด้วย เนื่องจากความเชื่อที่ว่าตนเองอาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่า ทำให้รู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องฟัง โดยเฉพาะเด็กที่ไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาเท่าตน สำหรับคนแก่ประเภทนี้ที่ยังคุยกันด้วยเหตุผลได้นั้น แม้ว่าจะดื้อแค่ไหน แต่ก็กำกับมาด้วยเหตุผล ที่อาจทำให้เราพิจารณาตามได้ ถูกมากน้อยแค่ไหนอีกเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับคนแก่ที่อายุมาก ๆ และสมองจะเสื่อมไปตามกาลเวลา ทำให้สมองส่วนตรรกะและความเป็นเหตุเป็นผลนั้นเสียไปด้วย ทำให้กลายเป็นคนแก่หัวดื้อไร้เหตุผล จนอาจทำให้ดูเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง 

สำหรับบุตรหลานจะต้องทำความเข้าใจให้มาก ๆ ถึงผู้สูงวัยในระดับนี้ เพราะต่อให้เป็นคนแก่หัวดื้อที่น่ารำคาญสักเพียงไร แต่ควรนึกไว้อยู่เสมอว่าท่านคือญาติผู้ใหญ่ของเราเอง เป็นพ่อแม่ที่เคยเลี้ยงดูและต้องทนกับความดื้อของเราเมื่อตอนเป็นเด็ก ที่อาจมีความร้ายกาจกว่าท่านในตอนนี้มาก่อน คนที่เคยทำให้เราทุกอย่าง เพียงแค่ตอนนี้สลับมาเป็นเราทำให้ท่านคืนบ้าง ดังนั้น ความเข้าใจและความอดทนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่คนในบ้านจะต้องมี และลองพาท่านได้เจอกับคนวัยเดียวกัน การที่ได้เจอได้พูดคุยกับคนวัยใกล้เคียงกันบ่อย ๆ จะช่วยลดความดื้อรั้นลงได้บ้างเช่นกัน ในขณะเดียวกันในส่วนของผู้สูงอายุก็ควรปรับความคิด ลดทิฐิตัวเองลง ยอมรับกับสภาพปัจจุบันให้ได้ เพราะถึงแม้ตนจะเคยยิ่งใหญ่หรือเป็นคนสำคัญมาก่อน แต่มันคืออดีต ยังไงก็ไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน หากไม่มีลูกหลานเข้าใกล้ ไม่มีบุตรธิดาอยากดูแล กลายเป็นคนแก่ที่ต้องอยู่คนเดียว หมดสิ้นแห่งความยิ่งใหญ่ เพราะไม่มีคนอยากเข้าใกล้คนดื้อหัวชนฝา ไม่ยอมฟังใครเลย ดังนั้นปรับตัวให้ลูกหลานห้อมล้อมดีกว่าเป็นคนแก่นั่งเหงาคนเดียวแน่นอน