บริการเช่าห้องเก็บของถือว่าเป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ด้วยความที่เป็นธุรกิจที่เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ที่เริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองกันมากขึ้น พร้อมทั้งพื้นที่ที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป ทำให้ธุรกิจประเภทห้องเช่าเก็บของหรือ Self-storage service เกิดการขายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยจากสถิติพบว่า ผู้ใช้ห้องเช่าเก็บของประเภทบุคคลกินสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ใช้ประเภทธุรกิจถึง 60:40 (ผู้ใช้ประเภทบุคคล:ผู้ใช้ประเภทธุรกิจ) เลยทีเดียว

แต่สำหรับใครที่กำลังชั่งใจว่าจะใช้บริการดีหรือไม่ เพราะแม้ของจะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเอาของไปใว้ให้คนอื่นดูแลจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ ซึ่งบทความนี้เราจะมาดูกันว่าบริการเช่าห้องเก็บของนั้นมีความปลอดภัยมากแค่ไหน และคุณต้องกังวลกับเรื่องอะไรบ้างหากจะใช้บริการของซักเจ้า

บริการห้องเก็บของให้เช่าปลอดภัยแค่ไหน?

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจห้องเช่าเก็บของนั้นให้ความสำคัญก็คือในเรื่องของความปลอดภัย เหมือนร้านอาหารที่ต้องคำนึงถึงความอร่อยเป็นปัจจัยต้นๆ เวลาที่เริ่มต้นธุรกิจ โครงสร้างและระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่แต่ละเจ้าเลือกใช้ เช่น กล้องวงจรปิด สัญญาณกันขโมย พนักงานคุ้มกันรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงฟังก์ชั่นพิเศษบางอย่างเช่น การเข้าถึงกล้องวงจรปิดที่ดูแลในส่วนห้องเก็บของของเราได้ สำหรับในบางพื้นที่หรือบริษัท ทางธุรกิจจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวต้นกับผู้ใช้บริการ พร้อมเซ็นสัญญาเพิ่มเติมว่าไม่มีสิ่งของใดที่เก็บไว้จะทำให้เกิดอันตรายต่อสิ่งของของผู้อื่นหรือธุรกิจได้ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าสิ่งของต่างๆ ของเราจะอยู่ในพื้นที่ที่มีการดูความปลอดภัยอย่างดี

จริงอยู่ว่าในอดีต ห้องเช่าเก็บของเหล่านี้จะเป้าหมายหลักๆ ที่ขโมยหรือโจรจะพุ่งเป้ามาเป็นที่แรกๆ ในบางเหตุการณ์ก็อาจเป็นเพราะการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมของของเจ้าของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ดูแลรักษาระบบความปลอดภัยที่ปล่อยให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงสิ่งของของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย หรือหละหลวมกับระบบโครงสร้างจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น น้ำรั่วหรือผนังกร่อน เป็นต้น แต่หลายๆ กรณีกลับเป็นเพราะผู้เช่าด้วยกันเองที่อาจจะถูกล่อลวง จนเกิดความสูญเสีย เช่นเดียวกับเหตุการณ์แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่แพร่หลายเป็นวงกว้างในปัจจุบัน

ถ้าหากคุณยังกังวลว่าจะเช่าห้องเก็บของกับผู้ให้บริการรายใด เราก็มีทริคเล็กน้อยในการเลือกผู้ให้บริการเหล่านั้นมาฝากกัน

1.      เลือกผู้ให้บริการเช่าห้องเก็บของที่มีชื่อเสียง มีรีวิวที่เชื่อถือได้ พร้อมกับประวัติการให้บริการ เพื่อให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าสิ่งของที่เราจะฝาก เราจะฝากไว้กับผู้ที่มีประสบการณ์

2.      เช็คระบบรักษาความปลอดภัยของเก็บของที่เก็บของของเราไว้ อย่าลืมเช็คกุญแจและเก็บลูกกุญแจให้เป็นอย่างดี หากระบบล็อกเป็นแบบใส่รหัสก็ทำให้มั่นใจว่าเป็นรหัสที่ใครก็ไม่สามารถเดาได้ง่ายๆ (ยกเว้นตัวเองนะ) รวมไปถึงซื้อประกันสิ่งของไว้อีกชั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้

3.      ตรวจสอบสิ่งของที่เราจะฝากอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งของที่เป็นอันตรายต่อทั้งของเราและของคนอื่นๆ เช่น วัตถุไวไฟ สสารที่ทำให้เกิดแก๊สพิษ รวมไปถึงสิ่งของต้องห้ามที่ถูกกำหนดไว้โดยผู้ให้บริการ ซึ่งโดยปกติ ผู้ให้บริการมักไม่อนุญาตให้เก็บสิ่งของประเภทอาวุธ สิ่งของผิดกฎหมาย เป็นต้น

กล่าวโดยสรุป บริการห้องเช่าเก็บของนั้นถูกสร้างมาเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ แม้จะเคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิด และทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้กับสิ่งของของเราได้โดยการทำตามคำแนะนำข้างต้น อ่านรายละเอียดของผู้ให้บริการแต่ละเจ้าให้ดี จะได้ไม่รู้สึกเสียดายในภายหลังว่า “รู้งี้นะ!”

หากจะใช้บริการเช่าห้องเก็บของต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?

บริการห้องเช่าเก็บของสามารถเป็นที่พักพิงให้เราได้เวลาที่เราจะย้ายบ้าน ย้ายกลับจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่พื้นที่บ้านยังไม่มากพอให้เก็บของที่เพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราจะทำการรีโนเวทบ้าน และต้องใช้พื้นที่เก็บของชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตาม ก็เหมือนกับสิ่งอื่นๆ ก่อนที่เราจะทำการใช้บริการใดๆ เราก็ต้องมีเรื่องที่เราต้องคำนึงถึงอยู่เช่นกัน จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกัน

อย่างแรกที่ต้องคิดแน่ๆ ก็คือเรื่องราคาการให้บริการ ถึงแม้ว่าธุรกิจจะอำนวยความสะดวกสบายให้กับเราได้ แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักเหมือนกัน โดยเฉพาะหากเราต้องการพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ หรือวางแผนจะเก็บของในระยะยาว ดังนั้นศึกษาราคาต่อความปลอดภัยที่เรามองว่ารับได้และคุ้มจะลงทุนให้มากที่สุด

ต่อมาเราก็ต้องคำนึงถึงเรื่องสถานที่ เชื่อว่าไม่น่ามีใครอยากจะฝากสิ่งของของตัวเองไว้ที่ที่เราเดินทางลำบาก หรือไกลที่อยู่เรามากเกินไป โดยเฉพาะในการเดินทางในกรุงเทพฯ ที่เรารู้ ทุกคนรู้ ว่าเป็นยังไง เพราะฉะนั้น ในเรื่องของความสะดวกสบายล้วนๆ เราก็อาจจะอยากได้ห้องเก็บของที่ใกล้ที่อยู่ หรือที่ทำงานเราให้มากที่สุดล่ะนะ แต่อีกเรื่องที่จะมองข้ามไม่ได้ก็คือ โดยปกติแล้วสถานที่ตั้งของบริการเข่าห้องเก็บของเหล่านี้ หากอยู่ในทำเลที่มีคนใช้บริการเยอะ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่มักจะใช้บริการเช่าห้องเก็บของมากกว่าคนไทย ค่าเช่าห้องก็จะแพงกว่าอีกเจ้าที่อยู่ไกลออกไป อันนั้นก็ต้องชั่งใจกันดูว่าให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากันระหว่างความสะดวกสบายกายหรือสบายกระเป๋า

ระบบรักษาความปลอดภัยก็ควรเป็นหนึ่งปัจจัยที่เราต้องคิดถึง การเลือกสถานที่ที่ให้ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยเราได้มากกว่าก็ย่อมดีกว่าใช่ไหมล่ะ ยิ่งสามารถเช็คห้องของเราได้ผ่านระบบออนไลน์ผ่านมือถือได้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ รวมทั้งตรวจสอบดูว่าเวลาที่เราจะเข้าไปดูห้องของเรา จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงของของเราได้นั่นเอง

และอย่างสุดท้าย เช็คให้ชัวร์ว่าสถานที่ตั้งธุรกิจหรือห้องเราไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่ร้อนหรือชื้นมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของเสียหายระหว่างถูกกักเก็บไว้ในห้อง หากผู้ให้บริการมีการติดตั้งระบบควบคุมอากาศ หรือ climate control ก็สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่เราเก็บไว้จะไม่เสียหายอย่างแน่นอน

สรุป

บริการเช่าห้องเก็บของถึงว่าเป็นธุรกิจที่เหมาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองที่สิ่งของของเราโผล่ออกมาจากไหนไม่รู้ แต่พื้นที่บ้านเราก็มีเท่าเดิม หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นในบ้านและต้องการนำของใช้ไปเก็บไว้ที่ไหนซักที่เป็นการชั่วคราว แต่การเลือกผู้ให้บริการแต่ละเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงพิจารณาปัจจัยในหลายๆ ด้าน เช่น ค่าบริการ สถานที่ ระบบความปลอดภัย และลักษณะของห้องเก็บของ ที่จะทำให้เราที่ที่จะตอบโจทย์เรามากที่สุด

ติดตามข่าวและสาระเพิ่มเติมที่ Justelounge