โลหะชนิดหนึ่งที่มีแสงเรืองรองเจิดจรัสสวยงาม เป็นวัตถุล้ำค่าเป็นที่ต้องการของผู้คนมากมายมาทุกยุคทุกสมัย เพราะควรค่าแก่การเก็บสะสม เก็งกำไรซื้อขาย หรือเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น โลหะที่ขึ้นชื่อถึงทรงคุณค่า ความสวยงาม และความทนทาน แข็งแรง ไม่ว่าจะในรูปของทองแท่ง หรือ ทองรูปพรรณ แต่ความเป็นทองคำก็คือทองคำ มีคุณค่าในตัวของมันเองทั้งคู่ เพียงแต่บทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจระหว่าง ทองคำแท่งกับทองคำรูปพรรณแตกต่างกันอย่างไร ซื้อทองแท่งยังไง ซื้อทองรูปพรรณยังไง หรือจะเลือกซื้อทองแท่งหรือทองรูปพรรณดี

ทองคำแท่ง 

ทองแท่ง

ทองแท่ง คือ ทองที่ผลิตออกมาในรุปแบบ บล็อก โดยความนิยมในการซื้อขายทองแท่งที่ค่าความบริสุทธิ์ 96.5% และ ค่าความบริสุทธิ์ทองแท่ง 99.99% โดยการซื้อขายทองคำแท่งสามารถซื้อได้ตั้งแต่น้ำหนักทองคำแท่ง 1 บาท และสูงสุดได้ถึง 1 กิโลกรัม เหมาะกับการซื้อเพื่อเก็บ ลงทุน ไม่มีค่ากำเหน็จแต่จะมีค่าบล็อกแทน ทองแท่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 

  1. ทองคำแท่งที่มีค่าบล็อก คือ ทองคำแท่งที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 5 บาท จะมีการปั๊มลวดลายสวยงาม มีขนาดเล็ก และการเก็บสะสมทองคำแท่ง เหมาะกับการเก็บสะสมทีละเล็กละน้อย หรือให้ของขวัญในวันพิเศษ
  2. ทองคำแท่งไม่มีค่าบล็อก คือ ทองคำแท่งมีน้ำหนักตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป จนไปถึงน้ำหนักทองคำหน่วยกิโลกรัม ไม่มีการปั๊มลวดลาย แต่จะมีเพียงการปั๊มตราร้านทองเพื่อยืนยันแหล่งการซื้อเท่านั้น ทองคำชนิดนี้นิยมและเหมาะกับการซื้อทองคำเพื่อการลงทุน และการเก็บทองที่มีน้ำหนักมากแบบนี้ ต้องมีที่เก็บอย่างปลอดภัย 

ทองรูปพรรณ 

ทองรูปพรรณ

ทองรูปพรรณ คือ ทองที่ผ่านกระบวนการแต่งรูปทรงและมีลวดลายเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับต่าง ๆ ที่เราเห็นกันทั่วไป สร้อย แหวน กำไล ต่างหู โดยมีค่าทองคำบริสุทธิ์ 96.5% และ ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% เช่นเดียวกับทองคำแท่ง โดยสามารถซื้อทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 0.5 สลึง ไปจนถึงราคาทองรูปพรรณจำนวนหลายบาท  

ซื้อทองแท่งหรือทองรูปพรรณดีกว่า 

เห็นได้ว่าทองแท่งกับทองรูปพรรณแตกต่างกันในด้านลักษณะและรูปทรง แต่ในด้านคุณสมบัติและมูลค่าเนื้อทองต่อน้ำหนักไม่แตกต่างกัน ส่วนในด้านของการเก็บออมทอง ได้รับความนิยมทั้ง 2 แบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความชอบของผู้สะสมทอง แต่สำหรับคนที่เก็บเงินไม่อยู่ เก็บทองแทน ก็จะนิยมเก็บทองแท่งมากกว่าทองรูปพรรณ ส่วนคนที่ต้องการเก็บทองไว้เป็นเครื่องประดับสวมใส่ออกงาน หรือเก็บเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อความสุขทางใจก็จะนิยมเก็บทองรูปพรรณมากกว่า 

ก่อนจะซื้อทองต้องสังเกตอะไรบ้าง

ก่อนจะซื้อทองต้องสังเกตอะไรบ้าง
  1. ร้านทองจะต้องมีป้ายแจ้ง ทองแท่งกับทองรูปพรรณราคาของแต่ละวันชัดเจน แสดงราคาทองคำแท่งขายคืน แสดงราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณเท่าไร รวมถึงค่ากำเหน็จอย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะไม่ได้ติดที่หน้าร้าน แต่อาจจะติดที่ถาดใส่ทองแต่ละชนิด 
  2. มีป้ายบอกประเภทสินค้าชัดเจนว่าเป็นชนิดใด เช่น เป็นสร้อย แหวน กำไล เป็นต้น 
  3. ระบุค่าความบริสุทธิ์ทองอย่างชัดเจน ว่ามีเปอร์เซนต์เท่าไร เช่น 96.5% หรือ 99.99% 
  4. เนื้อทองคำทุกชิ้นจะต้องมีโลโก้ของโรงงานผู้ผลิต 
  5. ระบุน้ำหนักของทองแต่ละชิ้นอย่างชัดเจน 

ข้อสำคัญ คือ เมื่อตัดสินใจซื้อทอง ต้องให้ทางร้านชั่งน้ำหนักให้เห็นชัดเจน โดยทองคำ 1 บาท น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 15.16 กรัม ซึ่งจะต้องมีทศนิยม 2 ตำแหน่ง และไม่ว่าน้ำหนักเท่าไร ระหว่างในช่วง 15.17 , 15.18 ,15.19 หรือ 15.20 กรัม ถือว่าเป็นทอง 1 บาท ทั้งหมด และตาชั่งที่ใช้จะต้องมีความเสถียรที่ 0.00 หน่วย 

หากพบเจอร้านทองที่ไม่แสดงฉลากตาม 5 ข้อ ดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อกำหนดของร้านทองที่จะต้องยึดถือปฏิบัติ สามารถโทรแจ้งที่สายด่วน สคบ. โทร 1166 และหากพบว่ามีความผิดจริง ร้านทองร้านนั้นจะมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท  

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทองแท่งกับทองทองรูปพรรณ ราคาก็ไม่เคยตกจนดิ่งแบบกู่ไม่กลับ ผ่านไประยะหนึ่งก็พุ่งทะยานไต่เพดานขึ้นสูง ทำให้นักเก็งกำไร และนักเล่นทอง ไม่เคยสลัดการสะสมทองคำทิ้งไป และถ้าใครสนใจจะเก็บออมทองแทนการออมเงิน เก็บทองเพื่อเก็งกำไร หรือซื้อทองเก็บไว้เพราะความสุขทางใจ จะออมทองแท่งหรือออมทองรูปพรรณก็ล้วนแต่นำความมั่งคั่งที่มั่นคงมาสู่ผู้ออมในอนาคต